pokemon mewtwo strikes back evolution สำหรับวันนี้ทางเราแหล่งรวบ รวมข่าวอนิเมะทั้งหมด จะพาทุกคนไปพบกับการ์ตูนที่ดังที่สุดในโลกอีกหนึ่งเรื่องอย่าง pokemon mewtwo strikes back evolution ที่สนุกไม่แพ้เรื่อง Back to the Outbackโดยเข้าฉายในโรงภาพยนต์โดยกำหนดการในการฉายเกิดขึ้นเมื่อ 22 กรกฎาคมปี 2019 ในประเทศญี่ปุ่นและพึ่งลงให้กับระบบตรีมมิ่งของ netflix เมื่อ ปี 2020 ที่ผ่านมา เวลาพูดถึงโปเกม่อนซึ่งมีเหล่าแฟนๆ เรื่องนี้ค่อนข้างเยอะมากๆซึ่งทุกคนต่างก็รอคอยการกลับมาของ pokemon the movie ทุกภาคอย่างใจจดใจจ่อกันเลยทีเดียว ก็แน่ล่ะ ก็เหล่าโปเกมอนแต่ละตัวน่ารักซะขนาดนี้ โดยเฉพาะเจ้า pokemon ปิกาจู ที่เป็นที่รักของแทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้ สำหรับpokemon the movie ในภาคนี้ เป็นเรื่องราวตั้งต้นจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์รับการว่าจ้างโดยหัวหน้าใหญ่ของแกงค์ล็อกเก็ตให้ออกตามหาข้อมูลเกี่ยวกับโปเกม่อนในตำนานที่มีชื่อเล่าขานกันว่ามิวซึ่งต้องเดินทางไปในป่าลึกแห่งนึ่งเพื่อที่จะได้พบกับโบราณสถานที่มีหลักฐานเป็นภาพสลักโปเกม่อนตัวนั้นเอาไว้ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป ชวนให้ติดตามแค่ไหนสามารถติดตามดูอนิเมะได้ใน pokemon mewtwo strikes back evolution netflix
pokemon mewtwo strikes back evolution ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับในเวอร์ชั่นนี้
ถ้าพูดถึงโปเกมอน ใคร ๆ ก็ต้องรู้จักที่มีทั้งเกมและอนิเมะรวมถึงภาพยนตร์อนิเมชัน เป็นอนิเมะที่อยู่มาอย่างยาวนาน และมีหลายภาคมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมหรืออนิเมะ แต่วันนี้จะเอาภาค ความแค้นของมิวทู อีโวลูชัน มารีวิวและเรื่องย่อ ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันนะครับภาคมิว อาจจะมีหลายภาคหลายแบบ โดยส่วนใหญ่โปเกมอนภาคส่วนใหญ่จะนำเอาโปเกมอน เทพทั้งหลายมาเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องซะมากกว่า แถมภาคที่จะเอามารีวิวในวันนี้ขอบอกก่อนเลยว่า ภาพสวยมาก ๆ แค่ได้มาดูภาพภาคนี้ก็คุ้มแล้วบอกเลย
เรื่องราวใน Pokémon: Mewtwo Strikes Back Evolution เริ่มต้นขึ้นเมื่อ ซาโตชิ (ริกะ มัตสึโมโตะ) และผองเพื่อนได้รับบัตรเชิญจาก มิวทู (มาซาชิกะ อิชิมูระ) โปเกมอนที่ถูกสร้างขึ้นจากดีเอ็นเอของ มิว โปเกมอนมายา ให้เดินทางไปยังงานเลี้ยงฉลองที่เขาจัดขึ้น อันเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ที่จะนำพาเขาไปเผชิญหน้ากับโปเกมอนที่แข็งแกร่งที่สุด
เนื้อเรื่องในภาคนี้ยังคงอ้างอิงจากต้นฉบับเดิมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ รวมถึงซีนต่างๆ ที่ผู้กำกับและทีมงานเอาใจเหล่าแฟนพันธุ์แท้ ด้วยการออกแบบให้เหมือนกับต้นฉบับแบบช็อตต่อช็อต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของทีมงาน ที่แม้จะพยายามนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาในรูปแบบใหม่ แต่พวกเขาก็ยังรักษากลิ่นอายที่เป็นเสน่ห์ของต้นแบบเอาไว้ได้ครบถ้วน
Pokémon: Mewtwo Strikes Back Evolution นับว่าเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 22 จากการ์ตูนแอนิเมชันชื่อดังอย่าง Pokémon Pocket Monsters และเป็นโปรเจกต์ยักษ์ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ได้มากที่สุด เพราะนี่คือการรีเมกจาก Pokémon: Mewtwo Strikes Back ภาพยนตร์โปเกมอนเรื่องแรกในปี 1998 โปเกมอนเริ่มต้นให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งในรูปแบบแอนิเมชันสามมิติ
โดยยังคงได้ คุนิฮิโกะ ยูยามะ มารับหน้าที่เป็นผู้กำกับเช่นเดิม หลังจากเป็นผู้ปลุกปั้น pokemon the movie ทั้งหมดมาตลอด 22 ปี เพื่อพาคนดูย้อนกลับไปยังวันแรกที่เห็นเหล่าโปเกมอนปรากฏตัวบนจอภาพยนตร์ พร้อมกับภาพกราฟิกที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก
ตำนานภาพยนตร์เรื่องแรกของ ได้ฉายไปในปี 1998 ที่ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับฉากตราตรึงสุดประทับในความทรงจำของเด็ก ๆ ในยุคนั้น ณ ตอนนี้ภาพยนตร์เริ่องนี้ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบภาพยนตร์ซีจี 3 มิติในชื่อเรื่อง ลง Netflix เนื้อเรื่อง และภาพจะเป็นอย่างไรกัน เราลองมาดูกันดีกว่า
pokemon mewtwo strikes back evolution เนื้อเรื่อง
เรื่องราวของโปเกม่อนในภาคนี้เริ่มต้นที่นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ค้นพบฟอสซิลที่มี DNA ของมิว ซึ่งเป็นโปเกม่อนมายาที่มีพลังที่เหลือล้น จึงทำการเก็บตัวอย่างไปทำการวิจัยและได้สร้างโคลนของมิวขึ้นมา ชื่อของโปเกม่อนตัวนั้นก็คือ “มิวทู” พวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างมิวทู แต่ว่ามิวทูที่เกิดมาพร้อมกับพลังมหาศาลจนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ห้องวิจัยได้ถูกทำลายไปจนหมด ซาคากิหัวหน้าแก๊งร็อคเก็ตได้เสนอมิวทูให้มาอยู่กับตนแลกกับการสร้างอุปกรณ์ควบคุมพลังได้ แต่ว่าซาคากิหักหลังมิวทูไป ทำให้มิวทูโกรธแค้น หนีไปสร้างปราสาทของตนขึ้นมาเพื่อเหตุผลบางอย่าง และกลุ่มซาโตชิก็ได้รับคำเชิญจากมิวทูให้มาปราสาทของตน
เนื้อเรื่องจะโฟกัสไปที่เรื่องราวต้นกำเนิดของมิวทู โปเกมอนกรรมพันธุ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มนึง เพื่อหวังจะสร้างสุดยอดสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา แต่มิวทูกลับไม่ยอมเชื่อฟังมนุษย์เลย แถมยังถูกพวกแก๊งร็อกเก็ตโน้มน้าวให้ไปทำเรื่องที่ชั่วร้ายอีก จนทำให้มันระเบิดพลังจิตออกมาทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกี่ยวข้อง และหนีหายสาบสูญไปในที่สุด เวลาต่อมา พวกซาโตชิได้รับจดหมายคำเชิญให้ไปร่วมงานปาร์ตี้ที่เกาะลึกลับแห่งนึง ในฐานะสุดยอดเทรนเนอร์ที่ได้รับการคัดเลือก แต่เมื่อไปถึงพวกเขาก็ค้นพบความจริงว่า คนที่เชิญชวนพวกเขามาก็คือมิวทูนั่นเอง และดูเหมือนว่ามิวทูมีแผนที่จะจับตัวโปเกมอนของพวกซาโตชิไปอีกด้วย มันกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?
งานสร้างแอนิเมชั่น
สำหรับงานสร้างแอนิเมชันสามมิติ ก็ถูกสร้างสรรค์ออกมาอย่างประณีต ไม่ว่าจะเป็นการปั้นโมเดลโปเกมอนที่ถอดแบบมาจากการ์ตูนต้นฉบับ และเสริมด้วยรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ผิวหนังของลิซาร์ดอน ที่มีเกล็ดตามร่างกาย หรือเส้นขนของปิกาจู ที่ให้ความรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มน่ากอด
ไปจนถึงการสร้างบรรยากาศภายในเรื่องที่ทำได้อย่างสวยงาม ทั้งแสงเงาที่กระทบร่างกายและสิ่งของ รายละเอียดของเสื้อผ้าหน้าเราของตัวละคร และฉากแอ็กชันสุดตระการตา โดยเฉพาะการใช้พลังของมิวทู ที่พอถูกนำมาถ่ายทอดผ่านแอนิเมชันสามมิติ แล้วยิ่งทำให้ผู้ชมได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของโปเกม่อน ตัวละครมายาตัวนี้ชัดเจนขึ้น
ดูโปเกมอน เดอะมูฟวี่ ตอน ความแค้นของมิวทู อีโวลูชัน จบแล้วเป็นยังไงกันบ้าง
ด้านเนื้อเรื่องปัดตกไปแบบไม่มีข้อกังขาใด ๆ เพราะเนื้อหาในเรื่องนี้ไม่ค่อยดีมาก ถึงค่อนข้างแย่ แต่เพราะดูในวัยเด็กเลยทำให้เราอินไปกับมัน แต่พอโตมาแล้วมาดูซ้ำ กลับพบว่าทั้งเรื่องมันขาดสีสันและในหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ไม่สามารถบอกความเป็นมา หรือตายร้ายดีของตัวละครบางตัวได้ และดราม่าที่มีฉากซีนเดียวที่ไม่มีการปูใด ๆ ที่ทำให้อินสุดไปกับมันไม่ได้
ด้านภาพ คงต้องยกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำดีในเรื่องซีจีและสภาพแวดล้อมของโปเกม่อน ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งในเรื่องคลื่นน้ำที่มีความสมจริงและก้อนเมฆ การทำฉากแอนิเมชั่นที่ลื่นไหล สีหน้าและท่าทางตัวละครมีชีวิตชีวา แต่ฉากต่อสู้ที่สนุกน้อยมากเมื่อเทียบกับซีรีส์แอนิเมชั่นถ้าเทียบกับปัจจุบัน เราคิดว่าเรื่องนี้จุดที่สุดคงเป็นเรื่องนี้แล้ว โปเกม่อนมีความน่ารักมาก โดยเฉพาะไคริวกับมิว ไคริวตุ้ยนุ้ยบินส่งจดหมาย และมิวที่น่ารักมากกกกกก จึงยกเป็นด้านภาพเด่นที่สุด
อนิเมะเรื่องนี้ วิจารณ์พากย์ไทย ทำได้ดีแค่ไหน
ด้านการพากย์ เสียงพากย์มีทั้งภาษาไทย, อังกฤษ, ญี่ปุ่น โดยเราจะพูดแค่เสียงไทยก่อน หลายคนอาจจะสงสัยว่าพากย์ไทยนั้นมีลักษณะเสียงเป็นอย่างไรบ้าง โดยเสียงพากย์ไทยที่ฟังนั้นเป็นเสียงที่มาจากช่องทรูครับ โทนเสียงของซาโตชิจะเป็นโทนเสียงที่ดูเด็กขึ้น และมีการใช้นักพากย์ พากย์ซ้ำกันบ้าง ถ้าไม่ติดใจอะไรก็ถือว่างานนี้เป็นงานพากย์ที่มีมาตรฐานพอตัว ส่วนในเรื่องของพากย์ญี่ปุ่นก็ดีตามปกติอยู่แล้ว ถ้าใครชอบพากย์ต้นฉบับก็แนะนำให้ดูพากย์ญี่ปุ่นดีกว่าครับ
ส่วนตัวหนัง แม้ว่าเนื้อเรื่องโดยรวมแทบจะไม่ต่างกับฉบับดั้งเดิมเลยก็ตาม แต่พอได้ดูอีกรอบนึง กลับรู้สึกประทับใจยิ่งกว่าฉบับดั้งเดิมเสียอีก นอกจากจะมีการยกระดับการนำเสนอด้วยภาพแอนิเมชั่น3มิติสุดตระการตาแล้ว อะไรหลายๆ อย่างก็ยกระดับตามขึ้นมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบที่ไพเราะและเข้ากับสถานการณ์สุดๆ หรือการใช้เสียงพากย์ภาษาไทยที่เพื่อนๆ คุ้นเคยกันดี แถมยังมีเพลงเปิดและเพลงปิดเวอร์ชั่นภาษาไทยสุดเอ็กซ์คลูซิฟอีกด้วย บอกเลยว่าประทับใจตรงนี้สุดๆ เพราะมันคือสิ่งที่หนังฉบับดั้งเดิมไม่เคยมีมาก่อนนั่นเองครับเรา
ความรู้สึกหลังดูโปเกม่อน เดอะมูฟวี่ ควรค่าแก่การรับชมหรือไม่
โดยรวมแล้ว เป็นหนังที่แฟนๆ โปเกมอนห้ามพลาดเด็ดขาด ใครเป็นแฟนคลับมิวทูยิ่งไม่ควรพลาดใหญ่ ส่วนใครที่ไม่เคยดูมาก่อน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะดูไม่รู้เรื่อง เพราะเนื้อเรื่องในมูฟวี่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับฉบับอนิเมะปกติเลย ดูยังไงก็รู้เรื่องแน่นอน แถมยังได้เห็นพิคาชูในรูปแบบสามมิติน่ารักๆ อีกด้วยนะ จะปล่อยให้พลาดได้ยังไง รีบตามไปดูได้ใน Pokemon the Movie: ความแค้นของมิวทู EVOLUTION บน Netflix เปิดให้ชมแล้ววันนี้บน Netflix
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ปรับปรุงมาจากอนิเมะเวอร์ชั่นเก่า ถือว่าทำดีมาก ๆ เพราะแทบจะเหมือนต้นฉบับเลย ทำให้มีหลายฉากมีความทรงจำในวัยเด็กไหลออกมาเลย และภาพก็สวยมากถ้าเทียบกับเรื่องอื่น ๆ ต้องชมเรื่องงานภาพของจริงเลยครับ และชอบความน่ารักของเหล่าโปเกม่อนในเวอร์ชั่นนี้มาก ๆ
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของเหล่าผู้ที่เติบโตมากับเกมและการ์ตูนยุค 80-90 โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เริ่มนำการ์ตูนและเกมยอดนิยมมาสร้างเป็นภาพยนตร์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเหล่าโปเกม่อนเทรนเนอร์ที่เพิ่งได้สัมผัสกับกับ ปิกาจู ตัวละครที่เปลี่ยนจากตัวการ์ตูนสองมิติ ให้กลายเป็นเจ้าโปเกมอนน่ากอดแบบสามมิติในภาพยนตร์เรื่อง Pokémon Detective Pikachu (2019)
นอกจากจะขยายจักรวาลใหม่ เหล่าโปเกมอนเทรนเนอร์ก็จะได้ร่วมย้อนเวลากลับไปรับชมความยิ่งใหญ่ของสองโปเกมอนในตำนานมิวและมิวทู จากภาพยนตร์เรื่องล่าสุด ที่เข้าฉายเมื่อกลางปี 2019 และเพิ่งปล่อยให้ทุกคนได้รับชมพร้อมกันผ่าน Netflix
สรุปภาพรวม Mewtwo Strikes Back Netflix
เด็กยุค 90’S ที่คุ้นชินกับ การ์ตูนโปเกม่อนทุกภาคดูเรื่องนี้แล้วทำให้อดที่จะคิดถึงวัยเด็กไม่ไดเลย ทั้ง รูปแบบ องค์ประกอบ และเนื้อเรื่องต่างๆ ตรงตามต้นฉบับแบบที่เราคุ้นเคยกันแบบเกือบเป๊ะๆ และโปเกม่อนทุกตัวล้วนแล้วต่างทำออกมาได้น่ารักมาก เหล่าแฟนpokemon อนิเมะต้องลองดู ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด
จุดเด่น
ภาพ CG สวยสดงดงาม ล้ำหน้ากว่าการ์ตูนอนิเมชั่นหลายเรื่องในญี่ปุ่นที่เคยมีมา
โปเกม่อนทำออกมาได้น่ารักมากกก น่ารักแบบ ก.ไก่ล้านตัว